วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เตรียมผิวสวยก่อนแต่งหน้า ล้างหน้าอย่างไรไม่ให้หน้าเหี่ยวย่น vol. 1



  เคล็ดไม่ลับ ที่เราอาจจะมองข้ามไป ในการดูแลผิว หรือแต่งหน้าในแต่ละวัน ถ้าหาก เราละเลย ก็จะทำให้ผิวเรามีปัญหา อย่างคาดไม่ถึงเลยทีเดียว

1. ล้างหน้าให้สะอาด เคล็ดลับหน้าใส ไม่เหี่ยวย่น
 ไม่ได้แปลว่า ล้างจนหน้าแห้ง หน้าเหี่ยว หน้าย่นนะคะ แต่คือการล้างอย่างหมดจด ด้วยขั้นตอนที่ถูกต้องด้วยผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผิว และมีคุณสมบัติในการล้างหน้า โดยไม่ทำให้ผิวเราเสียความชุ่มชื้น

Eye and Lip Makeup Remover

เราต้องเริ่มจากการลบเครื่องสำอางที่มีความสามารถในการกันน้ำสูงออกก่อน ซึ่งก็คือ การทำความสะอาด เปลือตา และริมฝีปาก (Eye and lip makeup remover) ซึ่งผลิตภัณฑ์ ส่วนใหญ่ จะมีทั้งตัวที่มีความสามารถในการละลายทั้งในน้ำและน้ำมัน เราพบผลิตภัณฑ์รูปแบบนี้ได้ ทั้งในแบบ ที่เป็นน้ำมัน cleansing oil โดยวิธีการใช้คือ เราจะนวดทั่วทั้งใบหน้า และรอบดวงตาของเรา ขณะที่หน้ายังแห้งอยู่ และเมื่อนวดจนทั่วแล้ว ก็ใช้น้ำล้างหน้า ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้เมื่อโดนน้ำก็จะกลายเป็นครีมน้ำนม ชำระสิ่งสกปรกต่างๆออกไป
ผลิตภัณฑ์อีกประเภทหนึ่งที่เราพบเห็นได้มากกว่า จะมีลักษณะเป็นของเหลวใส แยกเป็นสองชั้นชัดเจน ซึ่งชั้นบนคือตัวทำละลายที่ละลายในน้ำมัน คือสามารถชะเครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติกันน้ำออกมาได้ดี ในขณะที่ชั้นล่างคือ ตัวทำละลายที่ละลายในน้ำ ที่จะชะสิ่งสกปรกที่เหลือออกไป ก่อนใช้เราต้องเขย่าให้ทั้งสองชั้นกลายเป็นเนื้อเดียวกันก่อน (อย่างน้อยก็ตอนที่เราใช้) แล้วหยดลงไปบนสำลีให้ทั่ว แล้วค่อยๆวางลงบนเปลือกตา ค่อยๆเช็ดออกให้ทั่ว
หากเราละเลยการทำความสะอาดขั้นตอนนี้ แต่พยายามใช้โฟมล้างหน้าที่เราใช้ทั่วๆไป ล้าง ผลก็คือ เราจะต้องขัดถู ขยี้บริเวณรอบดวงตาเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดการระคายเคือง ผิวรอบดวงตาของเราก็จะเหี่ยวย่นเร็วกว่าปกติ ก่อเกิดริ้วรอยรอบดวงตา


สำหรับริมฝีปากของเราก็เช่นเดียวกัน เราจำเป็นต้องมีการเช็ดลิปสติกด้วย ซึ่งสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ตัวเดียวกันกับที่ใช้ทำความสะอาดรอบดวงตา การทำความสะอาดริมฝีปาก เป็นประจำจะช่วยขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกไป ไม่ทำให้เกิดคราบลิปสติก หรือ แห้งเป็นร่องลึก การสครับริมฝีปากเป็นครั้งคราว และการบำรุงริมฝีปากอย่างสม่ำเสมอ เช่น การใช้น้ำมันอัลมอนด์ทา การใช้ลิปบาล์มระหว่างวัน การดื่มน้ำมากๆ จะทำให้เรามีริมฝีปากที่มีความนุ่ม ชุ่มชื้น มีสุขภาพที่ดี ทาลิปสติกสวย ติดทนนาน ตลอดวัน 

 ติดตามความเคลื่อนไหวเพิ่มเติมที่

BeautyGuru Fanpage


วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ปัดแก้มสวย เป็นธรรมชาติ




จริงๆแล้วการปัดแก้มสามารถช่วยทำให้หน้าของเราดูดีมีมิติขึ้นมาได้ หากเรารู้จักเลือกสีสันและรู้ตำแหน่งของการปัดแก้ม ลองมาดูเคล็ดลับง่ายๆดีกว่า ว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง

  •   หากต้องการให้แก้มเราดูระเรื่อ และติดทนนานตลอดวัน ควรใช้บลัชชนิดครีม ลงก่อนในช่วงของการทารองพื้นก่อนลงแป้งฝุ่น โดยอมยิ้มก่อนแล้วใช้ปลายนิ้วแตะบลัชให้มีสีระเรื่อจากกึ่งกลางพวงแก้มเรา สามารถใช้สีชมพู ตรงกลาง แล้วผสมสีส้มเล็กน้อย แตะออกมารอบๆ แต่อย่าให้มากเกินไป
  • การลงบลัชออน ควรเลือกสีให้เหมาะสมกับสีผิวเรา หากเราเป็นคนผิวขาวควรเลือกใช้บลัชออน สีออกอมชมพู จะทำให้ผิวดูมีเลือดฝาด แลดูสุขภาพดี หากเราเป็นคนผิวขาวอมเหลือง ให้ใช้บลัชสีส้มอมชมพู หรือสีพีช ในขณะที่คนผิวสีน้ำผึ้ง ควรเลือกใช้สีส้มประกายทอง จะทำให้ผิวดูเปล่งประกาย 
  • เลือกใช้แปรงปัดแก้มที่มีคุณภาพ ขนแปรงที่ดีจะทำให้สามารถกระจายสีบนพวงแก้มได้ง่ายเป็นธรรมชาติ  หลังจากแต้มสีแล้ว ให้เคาะเบาๆเล็กน้อยที่ด้ามแปรง จะยังคงมีสีติดอยู่ที่ขนแปรง ในปริมาณที่ไม่มากเกินไป เวลาเราปัดแก้ม เม็ดสีจะไม่จับกันเป็นก้อน
  • เราสามารถใช้สีส้ม หรือสีส้มอมน้ำตาล ที่มีเฉดสีแก่กว่าบลัชตรงกลางปัดใต้สีหลัก เป็นแนวจาก กกหูลงมาถึงใต้พวงแก้ม เพื่อทำให้สีหลักโดดเด่นขึ้น  และทำให้หน้าเรียวขึ้น
  • ใช้แป้งประกายชิมเมอร์ แตะตรงกลางเล็กน้อย เพื่อเพิ่มความสว่างสดใส โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนออกงานกลางคืน
  • ปัดกรอบหน้าด้วยแป้งสีเข้มกว่าสีผิวเล็กน้อย เพื่อให้หน้าดูเรียวเล็กลง เพิ่มมิติ ให้ใบหน้า
  • ปัดด้วยแป้งฝุ่นอีกครั้ง เพื่อความนวลเนียน และกระจ่างใส
เท่านี้เราก็สามารถเฉิดฉาย อย่างมั่นใจ ในทุกวัน


พบกับเรื่องราวดีๆได้ที่นี่ 
หรือร่วมสนุกกับกิจกรรม BeautyGuru Fanpage 


                                               
     
     

วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

มาทาลิปสติกให้โลกสดใสดีกว่า Glam your Lips

การวาดเรียวปากให้ดึงดูดและโดดเด่น ทำได้ไม่ยาก แต่หากเราไม่ใส่ใจ หน้าของเราอาจแลดูศพ จนเพื่อนทักว่า ป่วยหรอ แต่บางคนอาจจะตั้งใจกับลิปสติกมากไป ทำให้กลายเป็นปากแดงน่ากลัว เหมือนเพิ่งไปกินเลือดมา วันนี้ กูรูขอเสนอ เทคนิคการทาปาก และการเลือกสีให้เหมาะกับโอกาสในการแต่งหน้าในแต่ละวันของเรา
หมั่นดูแลริมฝีปากให้มีความชุ่มชื้น โดยการทาลิปกลอสอย่างสม่ำเสมอ คนที่ชอบเลียริมฝีปาก ปากจะดำคล้ำไม่รู้ตัวนะคะ นอกจากนี้ การสครับริมฝีปากด้วยเกลือและน้ำมันที่กินได้ เช่น น้ำมันอัลมอนด์ น้ำมันมะกอก สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง หรือใช้แปรงสีฟันขัดริมฝีปากเบาๆ ก็จะช่วยขัดเซลล์ผิวที่ตายออกไปและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากได้ด้วย
ถ้าเราอยากแก้ไขรูปปาก ลงครีมรองพื้นหรือคอนซีลเลอร์ลงบนริมฝีปากแล้วปัดทับด้วยแป้งฝุ่น แต่งด้วยดินสอเขียนขอบปาก โดยถ้าเรามีริมฝีปากหนา ให้เราวาดดินสอตามเส้นในของขอบปาก แต่หากเรามีริมฝีปากบาง ให้เราวาดตามขอบนอก   แล้วค่อยทาลิปสติก
ควรเลือกสีลิปสติก ให้เข้ากับสีของริมฝีปาก คนที่มีริมฝีปากค่อนข้างคล้ำ ใช้สีแดงอิฐ จะดูสวยมาก ในขณะที่คนที่มีริมฝีปากค่อนข้างซีด การใช้สีแดงสด สีเชอร์รี่ จะทำให้ปากดูสดใส ส่วนคนที่ปากมีสีเลือดตามธรรมชาติ ดูดี ทั้ง สีชมพู สีส้ม หรือแดง 
ทาลิปสติกเริ่มจากตรงกลางริมฝีปาก และลิปที่มีชิมเมอร์มากเกินจะทำให้ดูหลอกตา
หลังจากทาลิปสติกเสร็จแล้ว ควรใช้ทิชชู่ซับริมฝีปาก แล้วทาซ้ำอีกรอบหนึ่ง จะทำให้ลิปเราติดทนนานตลอดวัน
การทาลิปกลอสแวววาว จะทำให้ริมฝีปากดูใหญ่ขึ้น คนที่มีริมฝีปากหนาควรเลือกทาลิปเนื้อด้านแต่ให้ความชุ่มชื้น
การใช้แปรงช่วยในการทาลิปสติกจะช่วยให้เราทาลิปได้สวยขึ้น อาจจะลองผสมสีต่างๆเพื่อให้เราได้ลิปสีใหม่ๆ เช่น ลิปสีขาว สามารถนำมาผสมกับลิปสีแดง สีส้ม หรือสีชมพู ทำให้เราได้ลิปสีนู้ดตามที่เราต้องการ หรือ ลิปสีน้ำเงิน สามารถนำมาผสมทำให้ได้เฉดสีม่วง การทำสิ่งใหม่ๆทำให้เราได้สร้างสรรค์จินตนาการ การแต่งหน้าในแต่ละวันก็จะยิ่งเป็นเรื่องน่าสนุก สร้างสีสันในชีวิตไปได้อีกแบบ

วันอังคารที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กินเจ ล้างสารพิษ


เทศกาลกินเจนี้ หลายคนคงได้ร่วมกันทำบุญ ลดการเบียดเบียนชีวิตสัตว์ โดยมีหลักการ คือ งดเว้นเนื้อสัตว์ หรือทำอันตรายต่อสัตว์ งด นม เนย หรือน้ำมันจากสัตว์ งดอาหารรสจัด ได้แก่ อาหารรสเผ็ดมาก เค็มมาก หวานมาก เปรี้ยวมาก งดผักกลิ่นฉุน
5 ชนิด ได้แก่ กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุยฉ่าย และใบยาสูบ (งดบุหรี่) ความเป็นจริงแล้ว การกินเจ ให้ได้มากกว่าบุญ เพราะช่วงเวลาที่เรากินเจ  ร่างกายของเราจะได้มีโอกาสปรับสภาพ ล้างสารพิษต่างๆที่ตกค้างอยู่ภายในร่างกาย  เพราะการรับประทานอาหารบางประเภท เช่น นม เนย มีน้ำตาลแล็คโตส ซึ่งร่างกายของเราไม่สามารถย่อยได้ ในปริมาณมาก ทำให้ร่างกายเกิดการอักเสบและก่อภูมิแพ้แบบที่เราไม่รู้ตัว เคซีนในนมกระตุ้นการหลั่งฮีสตามีน ก่อให้เกิดการแพ้และการอักเสบ ทำให้แก่ก่อนวัยและอาจเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคมะเร็ง นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์นมเนย ยังมีโอกาสถูกปนเปื้อนจากฮอร์โมน  ยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการเลี้ยง และสารอาหารที่ไม่ธรรมชาติ ซึ่งเราก็จะได้รับเช่นกันหากรับประทานผลิตภัณฑ์เหล่านี้ การรับประทานเนื้อสัตว์ก็ส่งผลเช่นเดียวกัน สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็ง หัวใจ ความดันสูง ส่วนปลา และอาหารทะเล พบว่ามีปริมาณมากที่พบโลหะหนักตกค้างอยู่

การงดเว้นสิ่งเหล่านี้จะทำให้ร่างกายของเรามีโอกาสฟื้นตัวจากอันตรายของอนุมูลอิสระต่างๆ รวมถึงสารก่อมะเร็ง นอกจากนี้ เราควรหลีกเลี่ยงการทานน้ำตาล รวมถึงน้ำอัดลม และ ควรดื่มน้ำมากๆ เพื่อชำระล้างสารพิษให้ออกจากร่างกายไปให้หมด รับประทานผักผลไม้สด เพื่อให้ร่างกายสดชื่น แล้วคุณจะพบว่า กินเจ ได้มากกว่าบุญ แน่นอนค่ะ